เม็ดพลาสติก เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายที่มี บทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง
ปัจจุบันตลาดเม็ดพลาสติกภายในประเทศ โดยภาพรวมมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบธุรกิจหลายราย ทั้งผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้นำเข้าเม็ดพลาสติก จากต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายอยู่ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑล ประมาณร้อยละ 80 ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นตลาดภูมิภาค
เม็ดพลาสติกที่ผลิตได้ประมาณร้อยละ 58 ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ที่เหลือ อีกประมาณร้อยละ 42 ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ จีน ฮ่องกง อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม
ชนิดเม็ดพลาสติกที่จำหน่ายในตลาดมีประมาณ 140 ชนิด แต่เม็ดพลาสติกสำคัญที่มีการใช้กันมากในปัจจุบันมี 5 ชนิด ได้แก่ เม็ดพลาสติก PE, PP, PS, PVC, ABS แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติพลาสติกเพื่อนำมาใช้งานให้เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. พลาสติกคืนรูป (Termoplastic) เป็นพลาสติกที่สามารถหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ทนความร้อนได้ในอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก พลาสติกประเภทนี้มีหลายชนิด เช่น
-
PE (Polyethylene) นำมาใช้ทำ ฟิล์ม ถุงเย็น ถุงใส่อาหารแช่แข็ง ขวด หลอด และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
-
PP (Polypropylene) นำมาใช้ทำ ถุงร้อนบรรจุอาหาร เปลือกของแบตเตอรี่ ถังพลาสติก แผงหน้าปัด เชือกและของเด็กเล่น
-
PS (Polystyrene) นำมาใช้ทำตลับเทป ภาชนะใส่อาหาร ชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
-
PVC (Poly Vinyl Choloride) นำมาใช้ทำท่อน้ำ ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล รองเท้า และหนังเทียม
-
ABS (Acrylonitrile Butadiene Styene Resin) นำมาใช้ทำหมวกกันน็อค ชิ้นส่วนรถยนต์ และจักรยานยนต์
2. พลาสติกคงรูป (Thermosetting) เป็นพลาสติกที่ไม่สามารถนำมาหล่อหลอม ได้ใหม่ ทนความร้อนได้ในอุณหภูมิสูง พลาสติกประเภทนี้มีหลายชนิด เช่น
-
โพลีเอสเตอร์ นำมาใช้ทำไฟเบอร์กลาส กระดุม ฉนวนไฟฟ้า และวัสดุเคลือบผิว
-
เมลามีน นำมาใช้ทำเครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์ เครื่องมือ จาน ชามและเก้าอี้
-
ไครลิก ไฟเบอร์ นำมาใช้ทำ เสื้อถักไหมพรม ผ้าห่ม และถุงเท้า